ธปท.ยันเกณฑ์คุมสินเชื่ออสังหาฯยังจำเป็น โชว์ข้อมูลไม่กระทบตลาด

ธปท. ได้ติดตามสถานการณ์แล้วเห็นว่าหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ มาตรการ loan-to-value ratio (LTV) ซึ่งได้ปรับเกณฑ์ผ่อนคลายไปแล้ว 2 ครั้ง ยังมีความจำเป็นและเหมาะสม

ธปท.ระบุว่าประชาชนที่ต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริงยังสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้โดยเฉพาะบ้านหลังแรก อีกทั้งยังเป็นการป้องกันความเสี่ยงในภาคอสังหาริมทรัพย์

ก่อนหน้านี้ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เรียกร้องให้ธปท.ยกเลิกมาตรการดังกล่าว เพื่อกระตุ้นตลาดอังหาฯที่ซบเซาจากผลกระทบโควิด-19

 

นางนวอร เดชสุวรรณ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงว่า ธปท. ได้ติดตามและประเมินสถานการณ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดตั้งแต่ออกมาตรการ LTV เมื่อเดือนเมษายน 2562 และพร้อมปรับหลักเกณฑ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์

ที่ผ่านมาได้มีการผ่อนปรนเกณฑ์ LTV แล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ การผ่อนปรนเกณฑ์สำหรับผู้กู้ร่วม และการซื้อบ้านหลังแรกราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาทสามารถกู้ได้เท่ากับราคาบ้านและยังสามารถกู้เพิ่มได้อีกร้อยละ 10 เพื่อใช้เป็นค่าตกแต่ง หรือซ่อมแซม ส่วนบ้านหลังที่สองก็กู้ได้ถึงร้อยละ 90 ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของ ธปท. ที่ส่งเสริมให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง

จากข้อมูลของ ธปท. พบว่าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2 ปีนี้ธปท.ยันเกณฑ์คุมสินเชื่ออสังหาฯยังจำเป็น

ยังขยายตัวที่ร้อยละ 4.4 สูงกว่าไตรมาสก่อน แม้จะอยู่ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด 19 สินเชื่อที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นการซื้อบ้านหลังแรก สะท้อนว่า มาตรการ LTV ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงสินเชื่อของผู้ซื้อบ้านและสถาบันการเงินยังมีการปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มเติมหากผู้กู้มีความสามารถในการผ่อนชำระ

รวมทั้ง มาตรการ LTV ยังช่วยรองรับผลกระทบของโควิด 19 ที่มีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์และระบบเศรษฐกิจโดยรวม เนื่องจากช่วยชะลอความต้องการเทียมและปริมาณที่อยู่อาศัยส่วนเกินก่อนเหตุการณ์ระบาดของโควิด 19

ทั้งนี้ ในสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงและไม่รู้ว่าโควิด 19 จะจบลงเมื่อใด ธปท. จะยังคงติดตามและประเมินสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง

ขอบคุณแหล่งที่มา : businesstoday.co

สามารถอัพเดตข่าวสารเรื่องราวต่างๆได้ที่ : grupoexpositor.com